เมนู

บทที่ 3 และที่ 4 ท่านกล่าวหมายเอาปหานปริญญา รวมความว่า
ในสูตรนี้ ท่านกล่าวปริญญา 3 อย่างแล.
จบ อรรถกถาอภิชานสูตรที่ 3

4. ฉันทราคสูตร



ว่าด้วยการละฉันทราคะในขันธ์ 5



[58] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรูปเสีย ด้วยการละอย่างนี้ รูปนั้นจักเป็น
อันเธอทั้งหลายละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน
ทำให้ถึงความไม่มี ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงละ
ฉันทราคะในเวทนาเสีย ฯลฯ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในสัญญาเสีย
ฯลฯ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในสังขารเสีย ฯลฯ เธอทั้งหลายจงละ
ฉันทราคะในวิญญาณเสีย ด้วยการละอย่างนี้ วิญญาณนั้นจักเป็นอัน
เธอทั้งหลายละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน
ทำให้ถึงความไม่มี ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา
จบ ฉันทราคสูตรที่ 4

5. อัสสาทสูตรที่ 1



ว่าด้วยความปริวิตกของพระโพธิสัตว์เกี่ยวกับขันธ์ 5



[59] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก่อนแต่ตรัสรู้ เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความปริวิตก
อย่างนี้ว่า อะไรหนอเป็นคุณของรูป อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นเครื่อง

สลัดออก อะไรเป็นคุณของเวทนา... อะไรเป็นคุณของสัญญา...
อะไรเป็นคุณของสังขาร... อะไรเป็นคุณของวิญญาณ อะไรเป็นโทษ
อะไรเป็นเครื่องสลัดออก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้ปริวิตกต่อไปว่า
สุขโสมนัสอันใด อาศัยรูปเกิดขึ้น นี่เป็นคุณของรูป รูปใดไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษของรูป การกำจัด
ฉันทราคะ การละฉันทราคะในรูปเสียได้ นี้เป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูป
สุขโสมนัสอันใดอาศัยเวทนาเกิดขึ้น... สุขโสมนัสอันใด อาศัยสัญญา
เกิดขึ้น... สุขโสมนัสอันใด อาศัยสังขารเกิดขึ้น... สุขโสมนัสอันใด
อาศัยวิญญาณเกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่งวิญญาณ วิญญาณใดไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งวิญญาณ
การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในวิญญาณเสียได้ นี้เป็น
เครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ.
[60] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ยิ่งซึ่งคุณโดยความเป็นคุณ
โทษโดยความเป็นโทษ และเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก
แห่งอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ เพียงใด เราก็ยัง
ไม่ปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง
สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น เมื่อใด เรารู้ยิ่งซึ่งคุณโดย
ความเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออกโดยความ
เป็นเครื่องสลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ ตามความเป็นจริง
อย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโ ลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้ง

สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็แลญาณทัสสนะได้เกิดขึ้นแล้ว
แก่เราว่า วิมุตติของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี
จบ อัสสาทสูตรที่ 5

6. อัสสาทสูตรที่ 2



ว่าด้วยสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ



[61] กรุงสาวัตถีฯ ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราได้เที่ยวค้นหาคุณแห่งรูป เราได้พบคุณแห่งรูปแล้ว เราได้เห็นคุณ
แห่งรูปเท่าที่มีอยู่ด้วยปัญญาดีแล้ว เราได้เที่ยวค้นหาโทษแห่งรูป เราได้
พบโทษแห่งรูปแล้ว เราได้เห็นโทษแห่งรูปเท่าที่มีอยู่ด้วยปัญญาดีแล้ว
เราได้เที่ยวค้นหาเครื่องสลัดออกแห่งรูป เราได้พบเครื่องสลัดออก
แห่งรูปแล้ว เราได้เห็นเครื่องสลัดออกแห่งรูปเท่าที่มีอยู่ด้วยปัญญาดีแล้ว
เราได้เที่ยวค้นหาคุณแห่งเวทนา ฯลฯ เราได้เที่ยวค้นหาคุณแห่งสัญญา
ฯลฯ เราได้เที่ยวค้นหาคุณแห่งสังขาร ฯลฯ เราได้เที่ยวค้นหาคุณแห่ง
วิญญาณ เราได้พบคุณแห่งวิญญาณแล้ว เราได้เห็นคุณแห่งวิญญาณ
เท่าที่มีอยู่ด้วยปัญญาดีแล้ว เราได้เที่ยวค้นหาโทษแห่งวิญญาณ เราได้
พบโทษแห่งวิญญาณแล้ว เราได้เห็นโทษแห่งวิญญาณเท่าที่มีอยู่ด้วย
ปัญญาดีแล้ว เราได้เที่ยวค้นหาเครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ เราได้พบ
เครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณแล้ว เราได้เห็นเครื่องสลัดออกแห่ง
วิญญาณเท่าที่มีอยู่ด้วยปัญญาดีแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ยิ่ง
ซึ่งคุณ โดยความเป็นคุณ โทษโดยความเป็นโทษ เครื่องสลัดออก
โดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ตามความ